โนตารี (Notary Public) คืออะไร?
โนตารี (Notary Public) เป็นเจ้าหน้าที่ที่ได้รับอนุญาตให้ทำหน้าที่รับรองความถูกต้องของเอกสาร ลายเซ็น และคำให้การ เพื่อให้เอกสารเหล่านั้นมีผลทางกฎหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ การรับรองโดยโนตารีช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้เอกสารที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ การทำธุรกรรมทางกฎหมาย รวมถึงการขอวีซ่าและใบอนุญาตทำงานในต่างประเทศ
บทบาทและหน้าที่หลักของโนตารี
- รับรองลายเซ็น (Signature Notarization) ตรวจสอบตัวตนของผู้ลงนามและรับรองว่าบุคคลดังกล่าวได้ลงนามในเอกสารด้วยความสมัครใจ
- รับรองสำเนาถูกต้อง (Certified True Copy) ตรวจสอบและรับรองว่าสำเนาเอกสารตรงกับต้นฉบับ
- รับรองคำให้การ
Declaration Notarization – เป็นการรับรองคำให้การหรือข้อเท็จจริงทั่วไป โดยไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการพิจารณาคดี ไม่ต้องสาบานตน เช่นการรับรองเอกสารทางธุรกิจหรือกฎหมายทั่วไป
Affidavit & Oath Certification – เป็นการรับรองคำให้การที่ให้ภายใต้คำสาบาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการพิจารณาคดี หรือเป็นเอกสารทางกฎหมายที่ต้องใช้ในศาล เช่น คำให้การในศาลหรือคำสาบานตนของพยาน
- รับรองเอกสารเพื่อใช้ในต่างประเทศ (Apostille & Legalization) รับรองเอกสารให้ถูกต้องตามมาตรฐานสากลเพื่อใช้ยื่นต่อสถานทูต หรือหน่วยงานราชการในต่างประเทศ
เหตุผลที่ต้องใช้บริการรับรองเอกสารที่ออกโดย “โนตารี”
- เพิ่มความน่าเชื่อถือให้เอกสารทางธุรกิจและกฎหมายได้รับการยอมรับจากหน่วยงานราชการและองค์กรในต่างประเทศ
- ใช้ในการขอ วีซ่าและใบอนุญาตทำงาน (Work Permit & Visa)
- รับรองเอกสารทางธุรกิจ เช่น หนังสือรับรองบริษัท สัญญาจ้างงาน และหนังสือมอบอำนาจ
สำหรับนักลงทุนและผู้ที่ต้องการทำงานในไทย การรับรองเอกสารโดยโนตารีเป็นขั้นตอนสำคัญในการดำเนินการด้านกฎหมายและเอกสารให้เป็นไปตามข้อกำหนดของทางการไทยและต่างประเทศ
ขั้นตอนการรับรองเอกสารโดยโนตารีในประเทศไทย
การรับรองเอกสารโดยโนตารี (Notary Public) เป็นกระบวนการที่ใช้รับรองความถูกต้องของเอกสารหรือการลงนามเพื่อใช้ในธุรกรรมทางกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะสำหรับเอกสารที่ต้องใช้ในต่างประเทศ
1. วิธีเตรียมเอกสารเพื่อขอรับรอง
ก่อนนำเอกสารไปขอรับรองโดยโนตารี ควรเตรียมเอกสารให้พร้อมตามขั้นตอนดังนี้
ตรวจสอบประเภทของเอกสาร
เอกสารที่มักต้องผ่านการรับรอง ได้แก่
- สัญญาทางธุรกิจ
- หนังสือมอบอำนาจ
- หนังสือรับรองบริษัท
- สำเนาหนังสือเดินทาง หรือเอกสารส่วนตัวอื่น ๆ
- เอกสารที่ต้องใช้ในต่างประเทศ เช่น ใบรับรองการศึกษา ทะเบียนสมรส หรือใบเกิด
การแปลเอกสาร (ถ้าจำเป็น)
หากเอกสารเป็นภาษาไทยและต้องใช้ในต่างประเทศ ควรแปลเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาท้องถิ่นของประเทศปลายทางโดยนักแปลที่ได้รับการรับรอง
จัดเตรียมต้นฉบับและสำเนา
- นำเอกสารต้นฉบับพร้อมสำเนามาเพื่อรับรอง
- สำเนาต้องชัดเจนและถูกต้องตามต้นฉบับ
เตรียมเอกสารประจำตัว
ผู้ขอรับรองเอกสารต้องนำเอกสารแสดงตน เช่น หนังสือเดินทาง บัตรประชาชน หรือใบอนุญาตทำงาน (ถ้ามี)
2. ขั้นตอนกระบวนการรับรองเอกสาร
- ติดต่อสำนักงานโนตารี – สามารถไปยังสำนักงานที่มีโนตารีรับรองเอกสาร เช่น สำนักงานทนายความ หรือสถานทูตของประเทศปลายทาง
- ตรวจสอบเอกสาร – เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารและข้อมูลที่ต้องรับรอง
- ลงนามต่อหน้าโนตารี – ผู้ร้องขอต้องลงนามต่อหน้าโนตารีเพื่อยืนยันความถูกต้องของเอกสาร
- ประทับตรารับรอง – โนตารีจะประทับตราและลงลายเซ็นรับรองเอกสาร
- รับเอกสารคืน – เมื่อกระบวนการเสร็จสิ้น ผู้ขอรับรองจะได้รับเอกสารที่ผ่านการรับรองแล้ว
3. หน่วยงานที่ให้บริการรับรองเอกสาร
สำนักงานทนายความที่มีโนตารี (Notarial Services Attorney)
ประเทศไทยไม่มีระบบ “Notary Public” เหมือนในบางประเทศ แต่มีทนายความที่ได้รับการรับรองให้ทำหน้าที่นี้ โดยสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานทนายความที่ให้บริการรับรองเอกสาร เช่น
- สภาทนายความแห่งประเทศไทย
- สำนักงานทนายความเอกชนที่ได้รับอนุญาต
กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
สำหรับเอกสารที่ต้องใช้ในต่างประเทศ อาจต้องได้รับการรับรองจากกรมการกงสุลก่อนจึงจะสามารถนำไปใช้ในสถานทูตหรือหน่วยงานของประเทศปลายทางได้
- ที่ตั้ง: กรมการกงสุล แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ
- เว็บไซต์: www.consular.go.th
สถานทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย
หากเอกสารต้องใช้ในต่างประเทศ อาจต้องได้รับการรับรองจากสถานทูตของประเทศปลายทาง เช่น
- สถานทูตสหรัฐอเมริกา
- สถานทูตอังกฤษ
- สถานทูตออสเตรเลีย ฯลฯ
การรับรองเอกสารโดยโนตารีในประเทศไทยเป็นกระบวนการที่ต้องเตรียมเอกสารให้ถูกต้อง ติดต่อสำนักงานที่ได้รับอนุญาต และชำระค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง หากต้องใช้เอกสารในต่างประเทศ บริษัทของเรามีความเชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาและช่วยเตรียมเอกสารที่จำเป็น พร้อมแนะนำในทุกขั้นตอน เพื่อให้ท่านได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็วและไม่มีปัญหา
เอกสารธุรกิจที่ต้องผ่านการรับรองโดยโนตารี สำหรับนักลงทุนและผู้ที่มาทำงานในไทย
การเข้ามาลงทุนหรือทำงานในประเทศไทยจำเป็นต้องมี วีซ่า และ ใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ที่ถูกต้อง ซึ่งต้องผ่านกระบวนการรับรองเอกสารโดยโนตารีเพื่อใช้ยื่นต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
1. การขอ Visa และ Work Permit
การขอวีซ่าและ Work Permit ในไทยมักต้องใช้ เอกสารที่ผ่านการรับรองโดยโนตารี (Notary Public) เพื่อให้เอกสารมีความถูกต้องและได้รับการยอมรับจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
- ใบรับรองการทำงานและประสบการณ์จากต่างประเทศ
- สำเนาหนังสือเดินทางและวีซ่า
- หนังสือรับรองการลงทุนหรือเอกสารทางธุรกิจ
- เอกสารทางกฎหมายหรือหนังสือมอบอำนาจ
หากต้องใช้เอกสารในต่างประเทศ อาจต้องผ่านการรับรองจากสถานทูต หรือกระทรวงการต่างประเทศเพิ่มเติม
2. วีซ่าธุรกิจ (Non-Immigrant Visa “B”)
วีซ่าประเภท Non-Immigrant Visa “B” จะออกให้แก่ผู้ที่ต้องการเดินทางเข้ามาประเทศไทยเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
- การทำงานในประเทศไทย โดยได้รับการว่าจ้างจากบริษัทหรือองค์กรในประเทศไทย
- การติดต่อธุรกิจ เจรจาการค้า หรือลงทุนในประเทศไทย
- การเข้าร่วมประชุม สัมมนา หรือกิจกรรมทางธุรกิจในประเทศไทย
ประเภทและระยะเวลาของวีซ่า
- แบบเข้าประเทศครั้งเดียว (Single-Entry) มีอายุ 3 เดือนนับจากวันที่ยื่นขอวีซ่า และผู้ถือวีซ่าสามารถพำนักในประเทศไทยได้ไม่เกิน 90 วัน
- แบบเข้าประเทศหลายครั้ง (Multiple-Entry) มีอายุ 1 ปีนับจากวันที่ยื่นขอวีซ่า โดยสามารถเข้า-ออกประเทศไทยได้หลายครั้ง ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยแต่ละครั้งที่เข้าไทยสามารถพำนักได้ไม่เกิน 90 วัน
3. วีซ่าผู้พำนักระยะยาว (Long-Term Resident Visa – LTR Visa)
LTR Visa เป็นวีซ่าที่รัฐบาลไทยจัดทำขึ้นเพื่อให้สิทธิ์พำนักในประเทศไทยได้นานถึง 10 ปี โดยมีเป้าหมายในการดึงดูดบุคคลที่มีศักยภาพสูงให้เข้ามาลงทุนและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านสิทธิประโยชน์ด้านภาษีและสิทธิพิเศษต่างๆ ผู้ที่มีสิทธิ์ขอวีซ่าประเภทนี้แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ดังนี้
- ผู้มีความมั่งคั่งสูง (Wealthy Global Citizens) มีสินทรัพย์รวมไม่ต่ำกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ
- ผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ (Wealthy Pensioner) ผู้เกษียณต่างชาติที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ที่รับเงินบำนาญหรือมีรายได้ที่มั่นคง
- ผู้ที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย (Work-From-Thailand Professional) ผู้ที่ทำงานให้บริษัทข้ามชาติ (MNC) จากประเทศไทย และมีผลประกอบการเป็นที่ยอมรับ
- ผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ (Highly-skilled Professional) ผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานในบริษัท สถาบันการศึกษาชั้นสูง หรือหน่วยงานรัฐบาลไทย
สิทธิพิเศษของ LTR Visa
- พำนักในไทยได้นาน 10 ปี
- ได้รับ Work Permit ทำงานได้อย่างถูกต้องทันที
- สิทธิพิเศษทางภาษี ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเหลือ 17% สำหรับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
- ช่องทางด่วน (Fast Track) ที่สนามบิน อำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้า-ออกประเทศ
- คู่สมรสและบุตร (อายุไม่เกิน 20 ปี) สามารถได้รับวีซ่า LTR ในฐานะผู้ติดตามได้สูงสุด 4 คน
4. เงื่อนไขและขั้นตอนการขอใบอนุญาตทำงาน (Work Permit)
หลังจากได้รับวีซ่า ผู้ที่ต้องการทำงานในไทยจะต้องดำเนินการขอ ใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ตามเงื่อนไขของกระทรวงแรงงาน
เงื่อนไขหลักในการขอ Work Permit
- ต้องได้รับวีซ่าที่ถูกต้อง (เช่น Non-B หรือ LTR)
- บริษัทที่จ้างงานต้องมีทุนจดทะเบียนตามเกณฑ์ที่กำหนด
- ตำแหน่งงานต้องไม่อยู่ในกลุ่มอาชีพต้องห้ามสำหรับชาวต่างชาติ
ขั้นตอนหลัก
- นายจ้างหรือบริษัทต้องยื่นขอใบอนุญาตแทนพนักงาน
- เอกสารที่ใช้ในการสมัคร Work Permit
- ใบสมัครและแบบฟอร์มของกระทรวงแรงงาน
- สำเนาหนังสือเดินทางและวีซ่าที่ได้รับอนุมัติ
- หนังสือรับรองบริษัทและใบอนุญาตประกอบธุรกิจของนายจ้าง
- สัญญาจ้างงานที่ระบุรายละเอียดงานและเงินเดือน
- กระทรวงแรงงานพิจารณาและออกใบอนุญาตทำงาน (ใช้เวลาประมาณ 7-10 วันทำการ)
ใบอนุญาตทำงานมีอายุสูงสุด 5 ปี และสามารถต่ออายุได้ หากเป็นผู้ที่ถือ LTR Visa สามารถทำงานได้ทันทีหลังได้รับ Work Permit
การรับรองเอกสารโดยโนตารี การขอวีซ่า และใบอนุญาตทำงานในประเทศไทย เป็นกระบวนการที่ต้องดำเนินการอย่างถูกต้องและรอบคอบ เพื่อให้ได้รับการอนุมัติอย่างราบรื่น Trinity & Co Legal พร้อมให้บริการโดยทีมทนายความผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อช่วยให้กระบวนการทางกฎหมายเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
ติดต่อเราวันนี้เพื่อรับคำปรึกษา
บริษัท ทรีนีตี้แอนด์โคลีเกิ้ล จำกัด
📩 Email: contactus@trinitycolegal.com
📞 Tel.: 096-798-6396
Facebook: Trinity&co Legal